ผมกวาดมือซ้ายไปมา ในที่สุดก็เจอสิ่งที่ผมจะยึดจับได้ มันเป็นเชือกขนาดประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว เชือกถักจากปอ ผมจับมือน้องยุ้นให้ไปจับที่เชือก พื้นข้างล่างโคลงได้เล็กน้อย ให้ความรู้สึกหวาดเสียวเล็กน้อย สัมผัสด้วยเท้ารู้สึกว่าเป็นแผ่นๆ ได้ยินเสียงน้ำไหลจากที่สูงลงต่ำอยู่ด้านขวา เท่านี้ก็พอเดาได้ว่ามันคือ สะพานไม้ ผมตะโกนบอกว่าผมเจอสะพานให้ทุกคนข้างหลังที่ตามมารู้ บอกให้รู้ว่ามีสเต็ป ทุกคนก็เดินตามมายืนอยู่บนสะพานแล้ว
ไกด์อาร์ม: ได้ยินเสียงน้ำใช่มั้ยครับทุกคน
ทุกคน: ได้ยินค่ะ ได้ยินครับ
ไกด์อาร์ม: คิดว่าน้ำจริงมั้ยครับ
บางคนตอบจริง บางคนตอบไม่จริง
ไกด์อาร์มให้ลองพิสูจน์ว่าสัมผัสของหูเราเชื่อถือได้แค่ไหน โดยการย่อตัวลงไปสัมผัสดูที่ต้นเสียง ว่าเจอน้ำจริงมั้ย แล้วมันก็เป็นน้ำจริงๆ มีต้นไม้ปกคลุม เหมือนกับเป็นบ่อน้ำตกแต่งสวนมีน้ำตกขนาดย่อมๆ สวนนี้ช่างดูสดใสน่าชวนมองจริงๆในความมืดมิด ผมมองเห็นภาพในความคิดของผม จินตนาการไปเรื่อยว่าสวนที่ผมยืนอยู่เป็นอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งของการที่เรามองไม่เห็น เราจะคิดจินตนาการความสวยงามไปเรื่อย ไม่มีขีดจำกัดจากสายตาที่เรามีอยู่ในยามปกติ
ไกด์อาร์ม: เดินต่อมาครับ ข้ามสะพานแล้วชิดขวานะครับ
เราเดินตามคำสั่ง พร้อมกับชิดขวา เจอกับกำแพงให้เราเลียบเดินไปอย่างคุ้นเคยมากขึ้น หลังจากได้ปรับตัวซักพัก แล้วเราก็เจอกับม้านั่ง สัมผัสได้รู้สึกว่าเป็นม้านั่งในสวนทำด้วยโลหะ เพราะมีความเย็น เป็นซี่ๆ อยู่สองตัว ข้างม้านั่ง มีหุ่นผู้หญิงไทยยกมือสวัสดี ที่เรามักเห็นอยู่หน้าร้านขายต้นไม้ตามสวนจตุจักร เราสัมผัสหุ่นนี้อยู่นานเหมือนกับไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร ถัดจากหุ่นก็เป็นตู้ไปรษณีย์
คลำวัตถุเหล่านี้ไปมา ผมก็รู้สึกว่ามีมือมาคลำที่หัวผม
น้องพลอย: อุ้ยตาย หัวคุณพ่อ ขอโทษค่ะ
คุณพ่อ: ยิ้มในใจ ไม่เป็นไรครับ
เดินต่อไป เราก็ต้องตกใจกับเสียงหมาเห่าเสียงดังขรม ฟังแล้วไม่น่าต่ำกว่า 5 ตัว ทุกคนสะดุ้งเฮือก เพราะไม่ได้ตั้งตัว ผมกวาดมือไปทางซ้ายด้านเสียงหมาเห่า ที่กล้ากวาดมือไปก็คิดว่าคงไม่มีหมาจริงๆ เขาคงไม่ปล่อยหมามากัดนักท่องโลกมืดมั้งครับ ใจก็หวั่นๆ เมื่อกวาดไปก็พบกับประตูรั้วโรงรถ ก็เดาว่ากำลังเดินผ่านบ้านใครซักคนหนึ่งที่เลี้ยงหมาได้หลายตัว เราเจอกับมอเตอร์ไซค์จอดอยู่คันหนึ่ง ก้าวขึ้นสเต๊ป ไกด์ให้เราสังเกตว่าเท้าเราเหยียบอะไรอยู่บ้างตลอดทาง ในจุดนี้พื้นจะมีปุ่มๆ ซึ่งก็คือพื้นที่ออกแบบให้ผู้พิการทางสายตาสามารถเดินตามได้ หากเราสังเกตจะเห็นพื้นเหล่านี้อยู่ตามฟุตปาธ (มีน้องที่อ่านทักมาว่าคำนี้ต้องเขียนอย่างนี้ ไม่ใช่ ฟุตบาท อย่างที่ผมเขียน ขออภัยและขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย) ทั่วไป
เราข้ามถนนมาอีกฝั่ง ก้าวขึ้นฟุตปาธ เราเจอกับราวแขวนเสื้อผ้าเต็มไปหมด ผมไม่รู้มันคืออะไรจนกระทั่งน้องนักเรียนตะโกนขึ้นมาว่า ร้านขายเสื้อผ้า ถัดจากร้านเสื้อผ้าก็เป็นร้านขายของโชว์ห่วย มีสบู่ ครีม แชมพู สารพัด ให้ลองได้สัมผัส ได้ดม ถัดจากนั้นก็เป็นร้านขายผลไม้ มีผลไม้สารพัดอย่าง น้องยุ้นหยิบเอาสับปะรดรดขึ้นมา พร้อมกับสามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
ตอนนี้ทุกคนรวมทั้งน้องยุ้นเริ่มรู้สึกคุ้นเคย ไม่มีความกังวลเท่าใดนัก ไกด์พูดนำไปตลอดทาง น้องยุ้นก็หัวเราะแทบทุกคำที่ไกด์พูด น้องๆนักเรียนก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับพวกเราสองคนมากขึ้น
ไกด์อาร์ม: คุณพ่อได้ลูกสาวเพียบเลยนะครับ
น้องยุ้น: ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผมก็อมยิ้ม
ไกด์อาร์ม: ผมจาพาทุกคนนั่งรถไปพารากอนนะครับ เดี๋ยวหยุดตรงนี้ แล้วผมจะทยอยพาทีละคนขึ้นรถนะครับ เริ่มจากคุณพ่อกับน้องยุ่น ขอมือซ้ายครับคุณพ่อ
ผมยื่นแขนซ้ายไปข้างหน้า ไกด์อาร์มยื่นมือมาจับมือผม พร้อมกับเอามือผมไปจับที่หลังคารถ ความรู้สึกบอกได้ว่าเป็นหลังคาผ้าใบ
ไกด์อาร์ม: ตรงนี้เป็นหลังคารถนะครับ ตอนนี้ขอมือขวาครับ
ผมยื่นมือขวาออกไปอย่างว่าง่าย พร้อมกับกุมมือขวาน้องยุ้นไปด้วย
ไกด์อาร์ม: ตรงนี้เป็นราวจับนะครับ
ไกด์อาร์มเอามือเราสองคนลูบราวซักพักนึง ให้คุ้นเคย ให้สามารถนึกภาพออกว่ารถที่เราจะนั่งก็คือ รถตุ๊กๆ
ไกด์อาร์ม ข้างหน้าคุณพ่อกับน้องยุ่นเป็นที่ขึ้นรถนะครับ ให้ค่อยๆก้าวขึ้นไป จะเจอกับที่นั่งครับ เชิญเลยครับ
เราก็ค่อยๆก้าวตามคำบอกของไกด์ น้องยุ้นก้าวขึ้นไปก่อน ผมก็ก้าวและคอยประคองน้องยุ้นไปด้วย เรานั่งลงไปด้วยความปลอดภัย
ไกด์อาร์ม: โอเคครับ ทีนี้น้องพลอย น้องจิ๊บครับ
ไกด์อาร์ม ได้พาน้องๆทุกคนขึ้นรถอย่างปลอดภัย ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น คลำรถ คลำไปทั่ว เอ รถจะวิ่งจริงเปล่าเนี่ย หรือว่าแค่ขึ้นมานั่งแล้วก็ลง เท่านั่นเอง
********************************************************************************
(โปรดติดตามตอนต่อไป...)
We learn when we play. We learn by doing. Theory is good to know but many theories are most of the time too difficult to understand. However, things around us can often amaze us why they happen as they are. We try to learn from things we experience in our days. We try to make things simpler if not simplest. เราเรียนจากการเล่น เราเรียนจากการทำ เรียนรู้ทฤษฎีเป็นสิ่งดีแต่ทฤษฎีก็ยากที่จะเข้าใจ สิ่งรอบๆตัวเราบางทีก็ทำให้เราประหลาดใจ เราเรียนจากประสพการณ์ เราเรียนที่จะทำให้งานง่ายขึ้นแม้ไม่ง่ายที่สุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
น่าจะพาไปขึ้นรถเมล์นะครับ เวลาเห็นคนตาบอดขึ้นรถเมล์ ข้ามถนน เดินข้ามซอยหรือเดินตามฟุตบาธที่มีสิ่งกีดขวางหรือที่มันไม่ต่อกัน ลำบากน่าดู
ตอบลบ