(Follow English version at http://jchinrungrueng.blogspot.com/2010/12/dialogue-in-dark-experiment-with-life.html)
วันอาทิตย์นี้ผมบอกกับลูกๆผมว่าจะพาไปดูหนังวิทยาศาสตร์ที่ องค์การพัฒนาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช) ตึกจามจุรีสแควร์ เนื่องจากเป็นเทศกาลภาพยนต์วิทยาศาสตร์ครับ แต่สิ่งที่จะเล่าในวันนี้ไม่ใช่หนังวิทยาศาสตร์ แต่เป็น Diaglogue in the Dark
มันคืออะไรเหรอ บางคนอาจจะงง แต่บางคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ที่ อพวช ตึกจามจุรีชั้น 4 ติดกับศูนย์หนังสือจุฬา ได้จัดนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์ มีการสาธิตแสดงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ให้เด็กๆได้เล่น ได้ทดลองค้นคว้า ผมเคยพาเด็กๆไปเที่ยวมาครั้งหนึ่งก็ติดใจ และวันนี้ก็ได้พาไปอีกเนื่องจากเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ดังกล่าวข้างต้น หลังจากดูภาพยนตร์ไปเรื่อง สองเรื่อง ยุ้น ลูกสาวผมก็เห็นป้ายประชาสัมพันธ์ Diaglog in the Dark เป็นรูปสัญลักษณ์คนตาบอดสองคนจูงมือกันเดิน ก็เกิดความสนใจอยากเข้า ก็เลยเข้าไปสอบถามดูว่าเป็นอะไร
คุณพ่อ: "ขอโทษครับ Dialogue in the Dark คืออะไรครับ"
พี่ๆเจ้าหน้าที่: "อ๋อ มันคือห้องมืดค่ะ ให้คนตาดีได้ลองใช้ชีวิตเป็นคนตาบอด ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไรค่ะ"
คุณพ่อ: "เด็กเข้าได้มั้ยครับ"
พี่ๆเจ้าหน้าที่: "น้องกลัวความมืดมั้ยคะ ถ้าไม่กลัวก็เข้าได้ค่ะ"
ผมเลยหันไปถามเจ้าลูกสาวว่ากลัวมั้ย ก็รู้คำตอบละครับ แน่นอน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเขา
แล้วเขาก็หันไปชวนพี่ชายต่อด้วย
ยุ้น: "เข่ง ไปเล่นห้องมืดด้วยกันมั้ย"
เข่ง: "ไม่อาวววว เค้ากลัวหลง เดี๋ยวหลง มองไม่เห็น"
ยุ้น: "ไม่หลงหรอก ไปด้วยกัน ไปกับป๊ากับแม่ เค้าเกาะป๊า เข่งก็เกาะแม่สิ"
เข่ง: "ไม่อาวววว มันมืดมองไม่เห็น เดี๋ยวหลง"
กระต่ายขาเดียวเลยครับเจ้าลูกชาย ยังไงก็ไม่ยอม แม้ว่าแม่จะบอกว่าไปกับแม่ ก็เลยให้ไปรอที่ห้องฉายหนังดูหนังวิทยาศาสตร์ไปพลางๆ
เสร็จแล้วก็เลยซื้อตั๋วเข้า Dialogue in the Dark กันสองคนพ่อลูก เสร็จถึงเวลาก็ไปรอที่หน้าห้อง ตอนนี้เจ้าลูกสาวเริ่มเงียบ คงจะเริ่มกลัว เนื่องจากพี่ๆก็ไม่ค่อยยอมเผยอะไรให้ฟังว่าข้างในมีอะไรบ้าง บอกแต่ว่าไม่อันตราย สนุกค่ะ คงกลัวรู้แล้วหมดสนุกมั้งครับ พี่ไกด์ที่หน้าห้องเห็นว่าคงจะกลัว ก็เลยเข้ามาชวนคุย
พี่ไกด์: กลัวความมืดมั้ย
ยุ้น: ส่ายหน้า แต่มีสีหน้ากังวล
พี่ไกด์: ไม่ต้องกลัวนะ ลองไปดูกับพี่นิดนึงมั้ย มามะ พี่พาเข้าไปลองหน้าทางเข้านิดนึง
คุณพ่อ: ไปสิ ลองไปดูว่ากลัวมั้ย ไปกับพี่ไม่เป็นไร แล้วกลับมาหาป๊า
ว่าแล้วก็เลยจูงมือกันเข้าไปสองคน เจ้าลูกสาวก็ค่อยๆย่องหายเข้าไป ชั่วอึดใจหนึ่งสองคนก็โผล่กลับมา เจ้ายุ้นก็วิ่งกลับมาหาผม ผมถามว่าเป็นไง
ยุ้น: มืด มองไรไม่เห็นเลย
พ่อ: แล้วกลัวมั้ย
ยุ้น: ไม่กลัว แต่ยุ้นจะจับมือป๊า ป๊าอย่าปล่อยหนูนะ
อืมม ไม่กลัวเลยจริงๆ ฮ่าๆ นึกในใจนะครับ
พี่ไกด์: เดี๋ยวรอกลุ่มสักพักนะครับ จะมีมาอีกประมาณ 5-6 คนครับ
สักพักหนึ่ง ก็มีเด็กหญิง 5 คน จริงๆไม่เด็กแล้วหละ แต่เทียบกับอายุผม ก็คงเด็กแหละนะ อ้าวชักงงหละสิ ตกลงเด็กไม่เด็กเนี่ย เอาเป็นอย่างนี้ดีกว่า มีเด็กสาววัยมัธยมอายุประมาณ 14-16 ปี เดินขึ้นมา พี่เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปต้อนรับ แล้วก็บอกว่าขอตรวจตั๋วด้วยครับ หลังจากนั้นก็แนะนำตัวเอง และอธิบายขั้นตอนวิธีปฎิบัติตัวก่อนขึ้นเขียง เอ้ย ก่อนเข้าห้องมืด
พี่ไกด์: สวัสดีครับ ผมชื่อดล เป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับทุกท่าน จะมาชี้แจงวิธีการปฏิบัติตัวก่อนเข้าห้องมืดครับ ห้องนีจะเป็นห้องที่มืดสนิท แสงไม่รอดเข้ามาแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้น เราจะมีห้องให้ฝากของด้วยครับ ถ้าคิดว่าเราอาจจะทำของตกหาย ก็ฝากไว้ได้เลยครับ โดยเฉพาะของที่สามารถส่องแสงได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ นาฬิกาเรืองแสง คุณพ่อ ฝากแว่นไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวสะดุดแว่นตกแล้วคนเหยียบแตกครับ
พ่อ: อ้าว แล้วผมจะมองยังไงหละครับ
พี่ไกด์: อ๋อ ห้องมืดคุณพ่อไม่ต้องใช้แว่นอยู่แล้ว
เพล้งงงงงง หน้าแตกเลย ด้วยความลืมตัว จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปที่ล็อกเกอร์เก็บของ
พี่ไกด์: ผมจะพาเข้าไปเป็นแถวเรียงหนึ่งนะครับ ใครจะมาเป็นคนแรกครับ
เงียบ
พี่ไกด์: อ่า อาจจะไม่ได้ยิน เอาอีกครั้ง ผมจะพาเข้าไปเป็นแถวเรียงหนึ่งนะครับ อยากให้จัดแถวกันตอนนี้ ไม่ทราบว่าใครอาสาเข้าเป็นคนแรกครับ
ฟังเสียงพี่ไกด์แกพูดแล้วไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าอยากจะเข้าเผชิญชตากรรมคนตาบอดเป็นคนแรกเลย ทุกคนนิ่ง ผมก็เลยจูงมือลูกสาว ทำใจกล้าเดินอาสาออกไป
พี่ไกด์: อ่า ได้แล้วคนแรก ต่อไปจัดแถวต่อเลยครับ
คราวนี้ง่ายแล้วน้องๆนักเรียน ทั้ง 5 คนก็จัดแถวเรียงหนึ่งต่อจากผมและยุ้น ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว แก ค่อยๆเดินนะแก รอชั้นด้วยหละ มีอะไรบอกด้วยนะแก เจออะไรก็บอกด้วย
พี่ไกด์: ครับ เรียบร้อย ที่นี้เงียบนิดนึงครับ ผมจะอธิบายเกี่ยวกับข้างในก่อนเราจะเข้าไปกันนะครับ ข้างในจะเป็นห้องมืด ดังนั้นทุกคนจะมองอะไรไม่เห็น เราจะลองใช้ชีวิตแบบคนพิการทางสายตา กันประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะใช้สัมผัสทุกอย่างในตัวเรา ยกเว้นสายตา เราจะใช้มือ ใช้เท้า ใช้ผิวหนัง ใช้จมูก ใช้หู ใช้ปาก ในนั้นจะมีห้องอยู่หลายห้องเพื่อให้เราฝึกการใช้สัมผัสที่ผมว่ามานะครับ ครบทุกอย่างไม่ต้องห่วง จากนี้ผมจะพาพวกเราไปส่งมอบต่อให้กับไกด์ผู้เชี่ยวชาญด้านความมืดภายในนะครับ ตอนนี้ผมจะแจกไม้เท้าให้ทุกคน ขอให้ทุกคนรับไปแล้วลองใช้ดูนะครับ เราจะใช้ไม้เท้าวาดเป็นวงด้านหน้าเราในระดับเดียวกับพื้น ให้ไม้เท้าทำมุมประมาณ 30-45 องศานะครับ เราจะไม่ยกไม้เท้าสูงนะครับ เพราะจะไปตีถูกคนข้างหน้า หรือว่าจะไปแทงถูกคนข้างหน้าได้ ถ้าไม้เท้าที่เราวาดด้านหน้าไปกระทบกับอะไรเข้า เราก็จะใช้วิธีเดินเข้าไปใกล้แล้วใช้มืออีกมือคลำเอาเพื่อจะได้รู้ว่ามันคืออะไร
ถ้าเราทำของตกนะครับ เราจะไม่ก้มลงเก็บ แต่เราจะย่อตัวลงไป โดยที่มือยังคงถือไม้เท้าอยู่โดยให้ไม้เท้าทิ่มลงกับพื้นตั้งตรงนะครับ ไม่วางไม้เท้า ไม่แทงไม้เท้าไปที่ใดๆทั้งสิ้น ทำไมเราต้องย่อลงเก็บของ ไม่ก้มลงเก็บทราบมั้ยครับ
น้องๆ : อาจจะถูกเหยียบจากคนข้างหลังได้ค่ะ
พี่ไกด์: ไม่ใช่ครับ ถูกเหยียบไม่ว่าก้มหรือย่อก็ถูกเหยียบได้ครับ แต่ที่เราย่อตัวเก็บเพราะเวลาลุกขึ้นมาเราจะลุกในแนวตั้ง เราก็มั่นใจว่าเราไม่ลุกขึ้นมาชนของอะไรด้านหน้าได้หากเราก้มลงเก็บ เมื่อย่อแล้วเราก็จะใช้มือเรากวาดไปกับพื้นเพื่อหาของนะครับ
วิธีการที่จะไม่ให้ถูกเหยียบคือ เราจะใช้ปากให้เป็นประโยชน์ครับ เราต้องส่งเสียงตลอดเวลา แต่ไม่ใช่แย่งกันพูดนะครับ เดี๋ยวไม่รู้เรื่อง หากมีอะไรเกิดขึ้น ช่วยกันบอกนะครับ ไกด์ข้างในจะถามชื่อทุกคน แล้วจะรอให้ทุกคนไปกันแบบเรียงแถวตามที่ตั้งไว้นี้ หากไกด์ข้างในขานชื่อ ก็ให้ตอบนะครับ ไม่งั้นจะไม่รู้ว่าอยู่ครบทุกคนหรือหายไปไหนหรือเปล่า
ข้อสำคัญที่สุดและห้ามไม่ปฏิบัติตามเลยคือ หากเจอห้องอะไรหรือลูกบิดประตูห้ามเปิดเข้าไปนะครับ ถ้าหากไกด์ข้างในไม่ได้สั่งให้เข้า เพราะอาจจะหลงเข้าไปแล้วไม่สามารถออกมาได้นะครับ
อีกอย่างขอให้เตรียมเงินไว้ล่วงหน้า เพราะว่าจะมีห้องขายเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ให้ลองได้ใช้ชีวิตดูว่าผู้พิการทางสายตาซื้อของยังไง ไม่เกินร้อยบาทครับ ยี่สิบบาทก็ได้ เตรียมไว้ล่วงหน้าเลยจะได้ไม่ต้องคว้ากระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบแบ้งค์ซึ่งไม่รู้ว่าแบ้งค์อะไรอีก เราจะได้รู้ว่าคนพิการเขาขายของกันอย่างไร เขารู้ได้ไงว่าเราให้แบงค์อะไร
หากพร้อมแล้ว และไม่มีคำถามอะไรอีก เราก็จะเข้าผจญกับความมืดแล้วนะครับ
พ่อ: ขอโทษครับ มีคำถามครับ ไม่ทราบว่าไกด์ด้านในเป็นผู้พิการทางสายตาหรือเปล่าครับ
ไกด์: เชิญคุณพ่อเข้าไปสอบถามพูดคุยกันกับไกด์ด้านในเลยครับ สามารถคุยได้ครับ ไกด์ของเราเปิดเผยหมดทุกเรื่องราวที่ทุกคนอยากรู้ ไม่ทราบมีคำถามอะไรอีกมั้ยครับ
เว้นระยะซักหน่อย
ไกด์: หากไม่มีคำถามแล้ว เชิญเดินตามผมเข้ามาเลยครับ
ชีวิตคนตาบอดสำหรับคนตาดีกำลังจะเริ่ม ณ อีกไม่กีย่างก้าวแล้ว
***************************************************
(โปรดติดตามตอนต่อไป....)
We learn when we play. We learn by doing. Theory is good to know but many theories are most of the time too difficult to understand. However, things around us can often amaze us why they happen as they are. We try to learn from things we experience in our days. We try to make things simpler if not simplest. เราเรียนจากการเล่น เราเรียนจากการทำ เรียนรู้ทฤษฎีเป็นสิ่งดีแต่ทฤษฎีก็ยากที่จะเข้าใจ สิ่งรอบๆตัวเราบางทีก็ทำให้เราประหลาดใจ เราเรียนจากประสพการณ์ เราเรียนที่จะทำให้งานง่ายขึ้นแม้ไม่ง่ายที่สุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
น่าตื่นเต้นมากครับ ผมเป็นคนนึงที่กลัวความมืด เวลานอนยังต้องเปิดไฟดวงเล็กๆไว้ครับ ถึงจะหลับได้ 555
ตอบลบจริงๆแล้วการใช้ชีวิตในความมืดเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆสำหรับผม เวลาเจอคนพิการทางสายตาจะรู้สึกสงสารและเกิดจินตนาการทุกครั้งว่าเค้าจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง ถ้าไม่เคยเห็นอะไรเลยในโลกใบนี้มาก่อน
Dialogue in the Dark มีให้เข้าชมตลอดรึเปล่าครับ น่าไปลองครับ เห็นพี่จะเล่าว่าต้องอยู่ในนั้นตั้ง 1 ชั่วโมง แสดงว่ามีอะไรให้ทำหลายอย่างเลย แต่ถ้าเป็นผมสงสัยจะเกินหนึ่งชั่วโมงแน่ๆ เพราะเวลาอยู่ในความมืดผมไม่ค่อยกล้าขยับตัวหรือเคลื่อนที่ไปไหน เพราะกลัวจินตนาการของตัวเองครับ 555
รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
ลองดูครับ ลองตัดความกลัวที่ว่าดู แล้วจะได้รับประสพการณ์ที่ผมเรียกว่าคุ้มค่าครับ กลุ่มผมเข้าไปอยู่เกือบๆ ชั่วโมงครึ่ง กลุ่มจะผลักเราไปเองครับ เราไม่อยากไปก็ต้องไปไม่งั้นเดี๋ยวถูกทิ้ง ความกลัวถูกทิ้งมีเยอะกว่า 5555
ตอบลบ