เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไม Mathematics ถึงต้องเติม s นอกจากนั้น ทำไมมันเป็นนามเอกพจน์
ถ้าตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ Mathematics เป็นคำนามกลุ่ม หรือ ฝรั่งเรียกว่า Collective noun
คำนามที่รวมเอาหลายๆสิ่งหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน โดยถูกพิจารณาเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ก็ยังประกอบไปด้วยหลายๆส่วน เช่น Mathematics จะประกอบไปด้วย Arithmetic, Geometry, Trigonometry, etc.
แต่เมื่อถูกพิจารณาเป็นกลุ่มก้อนไม่แยกจากกันแล้ว คำ Mathematics จึงถูกนับเป็นคำนามเอกพจน์ไป และใช้กับกริยาเอกพจน์ เช่น
Mathematics is simple. ไม่ใช่ Mathematics are simple.My favorite subject is Mathematics. ไม่ใช่ My favorite subject are Mathematics.
แต่ถ้าเราลองสาวไปให้ลึกกว่านี้หน่อย เราจะค้นพบว่า
Mathematics มีรากศัพท์มาจากคำกรีกคำว่า manthanein ที่แปลว่า to learn และมีความสัมพันธ์กับภาษาอังกฤษคำว่า mind และ memory
Mathematics เข้ามาใช้ในภาษาอังกฤษช่วงคริสตศตวรรษที่ 14 โดยเมื่อนำเข้ามาก็ได้พิจารณาว่ามันประกอบไปด้วยศาสตร์หลายๆแขนงรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้นจึงมีการเติม s เข้าไปเพื่อแสดงถึงของหลายๆสิ่ง แต่การรวมกันได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้น มันจึงถูกนับเป็น นามเอกพจน์นั่นเอง
รากศัพท์กรีกข้างต้น ที่แปลว่า to learn ยังมีปรากฎใช้ในความหมายดั้งเดิม คือคำ polymath ที่หมายถึงผู้รอบรู้ศาสตร์หลายแขนง หรือ พหูสูตร นั่นเอง (คำ polymath ไม่มี s, ถ้าเติม s จะหมายถึงหลายๆคน)
นอกจากนั้นแล้ว Mathematics ยังถูกใช้ย่อเป็น Math อีกด้วย โดยคำย่อ Math จะไม่ใช้ในรูปพหูพจน์คือ ไม่มีการเติม s ซึ่งใช้กันมากในฝั่งอเมริกา
ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงอีก คือ บ่อยครั้งเราจะเห็นรูปย่อ Maths ด้วยเช่นกัน ซึ่งรูปนี้ก็จะใช้กันในฝั่งของอังกฤษ ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเห็นทั้งสองรูป อย่างไรก็ตามทั้งสองรูปจะเป็นคำนามเอกพจน์ทั้งคู่
ศัพท์ Collective noun ที่มีลักษณะเดียวกันกับ Mathematics มีใช้กันเยอะ ในพวกศาสตร์วิชาแขนงต่างๆ เช่น Physics, Linguistics, Acoustics. ยกเว้นคำ Arithmetic ไม่เติม s นะครับ
อ้างอิง
- http://www.word-detective.com/2011/05/math-vs-maths/
- http://www.etymonline.com/index.php?allowed_in_frame=0&search=mathematic&searchmode=none