ข่าวดังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเห็นจะไม่พ้นข่าว นักบินผู้ช่วยจงใจบังคับเครื่องบิน GermanWings 9525 ชนเทือกเขา Alps ทำให้ผู้โดยสาร 144 คน และลูกเรืออีก 6 คน รวมเป็น 150 คนเสียชีวิตทั้งลำ
เริ่มแรกทีเดียวเจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญกับการหาสาเหตุการตกเกิดจากเครื่องขัดข้อง แต่หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ซากเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินได้ ก็ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักบินที่สองเป็นสาเหตุ เป็นผู้ขังนักบินที่หนึ่งนอกห้องนักบิน หลังจากที่ออกไปทำธุระในห้องน้ำ มีเสียงการสนธนาระหว่างของนักบินที่สองว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไปเข้าห้องน้ำได้หลังจากที่เครื่องบินได้บินสู่ระดับ 38,000 ฟุต และควบคุมโดยการบินอัตโนมัติ
เมื่อนักบินที่หนึ่งกลับมา ก็พบว่าประตูถูกล๊อกไว้ ไม่สามารถเปิดได้ หลังจากนั้นเครื่องบินก็ถูกควบคุมให้ลดระดับลงจาก 38,000 ฟุต ลงไปที่ 100 ฟุต จนกระทั่งเกิดเหตุชนกับเทือกเขา Alps ดังกล่าว
หลังจากเหตุการณ์นี้ เราคงจะได้ยินการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ โดยความไม่พร้อมของนักบิน หรือความบกพร่องของนักบิน หนึ่งในการป้องกันก็คงจะเป็นการทดสอบสมรรถภาพทางจิตใจของนักบินอย่างสม่ำเสมอ โดยทางสายการบิน GermanWings หรือ Lufthansa มีการทดสอบความพร้อมของนักบินในการสมัครรับเข้าครั้งแรกเท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการทดสอบแล้ว ในฝั่งทางด้านอเมริกาจะมีการทดสอบทุกๆ 6 เดือน
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การทดสอบทุกๆ 6 เดือน จะทำให้ผู้โดยสารมั่นใจได้อย่างไรว่า นักบินจะไม่เกิดอาการผิดปกติ มีความเครียดเกิดขึ้นและก่อเหตุรุนแรงเช่นที่ผ่านมาอีก เราคงตอบไม่ได้มากนักว่าอะไรจะเกิดขึ้นในใจนักบิน และจะมีผลอย่างไร ความเครียดในแต่ละคนก็มีผลให้เกิดความรุนแรงได้แตกต่างกันไป
แต่ที่แน่ๆคือ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่สำคัญก็คือ มนุษย์ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า มนุษย์ จะไม่เกิดการบกพร่องทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ และปัจจัยดังกล่าวนี้ก็จะนำไปสู่การคุยกันว่านำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการควบคุมแทนมนุษย์ ได้หรือไม่
ปัจจุบันนี้ เราได้ใช้ระบบควบคุมการบินอัตโนมัติมาใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยการใช้งานที่เราได้ยินกันก็มักจะเป็นการควบคุมการบินเมื่อเครื่องบินได้ไต่ระดับจนถึงระดับความสูงที่ต้องการ ก็จะตั้งให้เครื่องบินบินในทิศทางที่ต้องการและระดับความสูงที่ต้องการเท่านั้น นอกจากนั้นยังเห็นการใช้ในการลดระดับการบิน หรือเพิ่มระดับการบินได้เช่นเดียวกัน
คำถามคือ เป็นไปได้มั้ยที่เราจะเอาระบบการบินอัตโนมัติมาใช้สำหรับควบคุมการบินทั้งระบบ นักบินเป็นเพียงคนคอยกำกับดูแล ถ้าไม่มีปัญหาเกิดขึ้น นักบินไม่มีสิทธิ์สั่งงานเหนือคอมพิวเตอร์ หรืออย่างน้อยเราควรใช้การควบคุมการบินอัตโนมัติเพื่อป้องกันการก่อการร้าย หรือการบังคับเครื่องบินให้เกิดความเสียหายได้หรือไม่ เราเห็น Google ได้นำเอาเทคโนโลยีมาใช้กับการควบคุมรถยนต์โดยไม่มีคนขับได้แล้ว ในบริบทของเครื่องบิน น่าจะทำได้ง่ายกว่าในแง่ของจำนวนเครื่องบินที่บิน และข้อมูลของท้องฟ้า ภูมิประเทศที่บินผ่าน คงเป็นประเด็นให้คิดกันได้อีกมากมาย
We learn when we play. We learn by doing. Theory is good to know but many theories are most of the time too difficult to understand. However, things around us can often amaze us why they happen as they are. We try to learn from things we experience in our days. We try to make things simpler if not simplest. เราเรียนจากการเล่น เราเรียนจากการทำ เรียนรู้ทฤษฎีเป็นสิ่งดีแต่ทฤษฎีก็ยากที่จะเข้าใจ สิ่งรอบๆตัวเราบางทีก็ทำให้เราประหลาดใจ เราเรียนจากประสพการณ์ เราเรียนที่จะทำให้งานง่ายขึ้นแม้ไม่ง่ายที่สุด
วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558
ditto
Ditto เป็นคำที่ได้ยินครั้งแรกในหนังเรื่อง Ghost เล่นโดย Patrick Swayze และ Demi Moore ปี 1990 นานมากแล้ว
Ditto ใช้ในความหมาย เช่นเดียวกัน เหมือนกัน โดยมีที่มาจากภาษาอิตาลี เวลาพูดวันที่หลายๆวันในเดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน เช่น
13 March 1995
14 Ditto
15 Ditto
20 Ditto
เวลาเขียนก็จะใช้สัญลักษณ์ที่เรียกว่า Ditto mark (") ภาษาไทยเรียกว่า บุพสัญญา นั่นเอง
ในภาพยนต์เรื่อง Ghost, Sam จะบอกรับ Molly ด้วยการใช้คำว่า Ditto ทุกครั้งที่ Molly บอกรัก Sam เป็นการบอกว่า เช่นเดียวกัน เหมือนกัน แต่ไม่เคยบอก I love you ตรงๆ ทำให้ Molly ต้องน้อยใจเสมอ และคำๆนี้ก็ทำให้ Molly เชื่อว่า Sam เป็นผีกลับมาและ หมอผี Oda Mae (Whoopie Goldberg) ได้ยิน Sam โดยการให้ Oda Mae บอกว่าเขารัก Molly ด้วยคำว่า Ditto นั่นเอง
ใครไม่เคยดู ลองไปหาดูนะครับ รับรองว่าสนุก
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558
open
Open คำนี้ดูแล้วไม่น่ายากเลย แต่ผมรู้สึกสนใจกับคำๆนี้เป็นพิเศษ เพราะว่ามันทำให้ผมสับสนอยู่หลายๆครั้ง
Open ตาม Merriam-Webster ให้ความหมายดังนี้
1. having no enclosing or confining barrier
2. being in a position or adjustment to permit passage
3. completely free from concealment
4. not covered with a top, roof, or lid
เวลาแปลเป็นไทย ผมก็จะแปลง่ายๆว่า เปิด นั่นเอง
ปัญหาของผมอยู่ตรงนี้แหละครับ คำแปลเป็นภาษาไทย ง่ายเกินไป
ทำไมเหรอครับ ก็เพราะว่า เปิด ในภาษาไทย เราใช้มันมากกว่าความหมายของคำว่า open ในภาษาอังกฤษหนะสิครับ เช่น
กลุ่ม 1 : เปิดประตู, เปิดม่าน, เปิดงานบอล, เปิดกระป๋อง
กลุ่ม 2 : เปิดทีวี เปิดไฟ เปิดวิทยุ
จากคำแปลของ Merriam-Webster จะเห็นว่า open ใช้กับความหมายในกลุ่มแรกเท่านั้น คือการเปิดเผยให้เห็นช่อง การเปิดเผยให้เห็นภายใน การเปิดสิ่งที่ปกปิดให้เห็นชัดเจน เช่น
He opened the door.
The prime minister opened the national conference.
My mom opens a can of fruit for our fruit salad.
แต่ ถ้าเราใช้
I open the TV to see my favorite cartoon program.
เป็นการใช้ผิดความหมายที่ผมใช้มันบ่อยมากๆเลย ถ้าเราพูดแบบข้างต้น คนฟังจะเข้าใจว่าเป็นการแกะ TV ออกมาดูเครื่องข้างในนะครับ ไม่ใช่เปิดเพื่อดูหนัง
This is what you'll get if you ask someone to open your TV!
แล้วถ้าใช้เปิดทีวีในความหมายของเราคือความหมายในกลุ่มที่ 2 หละ เราใช้อะไร
ในภาษาอังกฤษ ความหมายเปิดนี้จะมีคำอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็คือ
turn on, switch on
Please turn on the TV for me.
Please switch the light on when you enter the room.
ถ้า ปิด ก็เป็น turn off หรือ switch off นะครับ ในความหมายนี้
แต่ถ้าความหมายตรงข้ามกับ open ก็ close ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
Open ตาม Merriam-Webster ให้ความหมายดังนี้
1. having no enclosing or confining barrier
2. being in a position or adjustment to permit passage
3. completely free from concealment
4. not covered with a top, roof, or lid
เวลาแปลเป็นไทย ผมก็จะแปลง่ายๆว่า เปิด นั่นเอง
ปัญหาของผมอยู่ตรงนี้แหละครับ คำแปลเป็นภาษาไทย ง่ายเกินไป
ทำไมเหรอครับ ก็เพราะว่า เปิด ในภาษาไทย เราใช้มันมากกว่าความหมายของคำว่า open ในภาษาอังกฤษหนะสิครับ เช่น
กลุ่ม 1 : เปิดประตู, เปิดม่าน, เปิดงานบอล, เปิดกระป๋อง
กลุ่ม 2 : เปิดทีวี เปิดไฟ เปิดวิทยุ
จากคำแปลของ Merriam-Webster จะเห็นว่า open ใช้กับความหมายในกลุ่มแรกเท่านั้น คือการเปิดเผยให้เห็นช่อง การเปิดเผยให้เห็นภายใน การเปิดสิ่งที่ปกปิดให้เห็นชัดเจน เช่น
He opened the door.
The prime minister opened the national conference.
My mom opens a can of fruit for our fruit salad.
แต่ ถ้าเราใช้
I open the TV to see my favorite cartoon program.
This is what you'll get if you ask someone to open your TV!
ภาพจาก https://robinmurray.wordpress.com/2009/08/05/tv-fish-tank/
แล้วถ้าใช้เปิดทีวีในความหมายของเราคือความหมายในกลุ่มที่ 2 หละ เราใช้อะไร
ในภาษาอังกฤษ ความหมายเปิดนี้จะมีคำอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็คือ
turn on, switch on
Please turn on the TV for me.
Please switch the light on when you enter the room.
ถ้า ปิด ก็เป็น turn off หรือ switch off นะครับ ในความหมายนี้
แต่ถ้าความหมายตรงข้ามกับ open ก็ close ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)